
อย่างที่เราทราบกันดีว่าคราบเปื้อนต่างๆบนที่นอนเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัย หลายประการ การจะนำคราบออกนั้นโดยส่วนมากใช้วิธีการที่แต่ต่างออกไป โดยที่ใช้กันส่วนมากมีดังนี้
1.ทิชชู่ซับคราบออก
เมื่อคราบใดๆก็ตามหกเปื้อนลงบนที่นอน โซฟา สิ่งแรกที่คนทั่วไปนึกถึงคือการนำผ้าชุบน้ำ เช็ดลงบนรอยคราบเปื้อน แต่นั้นไม่ใช้วิธีการที่ถูกต้อง กลับยิ่งเพิ่มปริมาณที่คราบเปื้อนให้เกิดเป็นวงกว้างมากขึ้น ซ้ำร้ายยังทำให้รอยเปื้อนฝังตัวลงไปลึกกว่าเดิม ดังนั้น การนำทิชชู่ซับคราบออกจากที่นอนคือสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรก โดยการกดไปบริเวณจุดที่เปื้อนซ้ำหลายรอบ เปลี่ยนทิชชู่ใหม่ทุกครั้งในการกดซับ จนคราบแห้งที่สุดก่อน เริ่มขั้ขตอนต่อไป
2.ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดเบาๆ
คราบบางชนิด อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่จนเกินไป เมื่อมีการหกลงบนตัวที่นอน ผ้าชุบน้ำหมาด จะช่วยซับคราบออกในบางกรณี ทั้งนี้ทั้งนั้นการกดไล่ไปตามแนวเลอะจะยิ่งช่วยรีดปริมาณคราบให้ติดกับตัวผ้าที่นำมาใช้ ควรหมั่นรีดน้ำออกจากตัวผ้า และซักล้างด้วยน้ำเปล่า ก่อนการนำไปใช้ซ้ำหลายๆรอบ จนกว่าคราบจะออกจนเป็นที่น่าพึงพอใจ
3.น้ำแข็งกับคราบน้ำมัน
การนำอาหารมารับประทานบนที่นอน อาจก็ให้เกิดรอยเปื้อนได้ ซึ่งส่วนมากมาจากส่วนผสมอาหาร รวมถึงน้ำมันส่วนผสมยอดนิยมในอาหาร โดยธรรมชาติของน้ำมันเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำ จะจับตัวเป็นก้อน ฉนั้นแล้วการนำน้ำแข็งซึ่งมีอุณหภูมิที่ต่ำ ขัดเช็ดลงตรงจุดเปื้อนน้ำมันบนที่นอน สลับกับใช้ทิชชู่เช็ดออก ซ้ำๆหลายๆครั้งจนเป็นที่พอใจ วิธีนี้คราบออกไม่ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ ก็ออกจนจางเป็นที่น่าพอใจ
4.มะนาวช่วยละลายคราบ
มะนาวที่ที่ใช้นำมารับประทาน มีความเป็นกรดสูง สามารถนำมาใช้กับที่นอนได้โดยไม่ทำร้ายผิวที่นอนแต่อย่างใด ทั้งยังสามารถหาซื้อง่าย โดยการนำมะนาวบีบลงบนคราบและปล่อยทิ้งไว้ ไม่เกินสามถึงห้านาที แล้วแต่ชนิดของคราบ แล้วจึงนำมะนาวส่วนที่บีบแล้วมาขัดจุดที่มีรอยเปื้อน จากนั้นนำทิชชู่มาซับออก ทำวนซ้ำจนคราบออกหมด
5.คราบที่มาพร้อมกลิ่นต้องเบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดาใช้ได้หลากหลายมากมาย ที่พบเห็นมากสุดคงหนีไม่พ้นอุตสาหกรรมอาหาร การนำมาใช้ทำความสะอาดก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน การใช้เบคกกิ้งโซดาบนที่นอนโดยการนำไปผสมน้ำ 1 ส่วน 3 แล้วหยดลงบนจุดที่มีกลิ่นและคราบ ทิ้งไว้สิบนาที แล้วจึงนำผ้าหรือทิชชู่ซับออก
6.ฉีดน้ำยาทำความสะอาดลงบนคราบ
น้ำยาทำความสะอาดโดยทั่วไปมีมากมายหลายชนิด ล้วนมีส่วนผสมและการใช้ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรเลือกให้เหมาะสมกับที่นอนและคราบที่นำไปใช้ การใช้นำยาทำความสะอาดสามารถฉีดไปได้ตรงๆตามการใช้งานที่เขียนอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ หากเป็นในส่วนที่ระเหยได้อาจคอยดูผลหลังการใช้ว่าคราบออกดรไหม ต้องมีการฉีดเพิ่มเติมไหมเมื่อระเหยออกหมดแล้ว แต่หากในส่วนที่เป็นน้ำยาที่คงสภาพได้ ควรดูการใช้งานที่ข้างขวดว่ามีการแนะนำให้ทิ้งไว้หรือไม่ กี่นาที และสามารถปล่อยทิงไว้ได้เลยหรือต้องขจัดน้ำยาออกหรือไม่
7.ง่ายๆด้วยอุณหภูมิในน้ำ
เชื่อหรือไม่ว่า เพียงน้ำเปล่า ร้อน หรือ เย็นต่างกัน สามารถใช้ทำความสะอาดคราบที่ต่างกันได้หลากหลาย คราบที่มีส่วนผสมความหนืดหรือน้ำมัน เพียงนำเย็นเทแช่ไว้ในปริมาณที่เหมาะสม แล้วรีบขัดออกโดยเร็วช่วยให้คราบออกอย่างน่าตกใจ และการนำน้ำร้อนสำหรับคราบที่มีความแข็งตัว อย่าง ช็อกโกแลต หมากฝรั่ง หยดลงบนจุดคราบที่เลอะ ในอณุหภูมิที่เหมาะกับคราบโดยไม่ทำร้ายเนื้อผ้า คราบจะหลุดออกอย่างง่ายด้าย
8.น้ำยาล้างเล็บกับคราบกาว
น้ำยาล้างเล็บที่ใช้กันในท้องตลาดมีส่วนผสมละลายเข้มข้นสูง นิยมนำไปใช้ละลายเคมีที่พบเห็นใกล้ตัวคือการนำไปล้างละลายสารคงตัวที่อยู่
ในน้ำยาทาเล็บ โดยส่วนของกาวเกือบทั้งหมดในท้องตลาดมีส่วนผสมของสารเคมีคงรูป การนำน้ำยาล้างเล็บหยดลงบนคราบกาวตามด้วยก้านสำลีขัดจุดคราบกาวโดยเร็วตอนที่ละลายตัว จะสามารถนำออกจากที่นอนได้
9.ยาสีฟันลบรอยดินสอ
ทุกเช้าการเข้าห้องน้ำของทุกวัน ยาสีฟันคือสิ่งแรกๆที่นึกถึง แต่เมื่อที่นอนมีรอยดินสออาจเกิดจากการนั่งเล่นลงบนที่นอนของลูกๆ ปฎิเสธไม่ได้ว่าอาจเลอะมากจนทั่วที่นอน เพียงแค่ป้ายยาสีฟันลงบนที่นอนและออกแรงขัดเบาๆ หลายๆรอย รอยดินสอจะหมดไปจากที่นอน อาจต้องใช้เวลามากหากที่นอนของเราเลอะรอยดินสอเป็นจำนวนมาก
10.แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อละลายรอยปากกา
แอลกอฮอล์ที่ใช้ล้างมือฆ่าเชื้อบาทแผลกันอยู่เป็นประจำ สามารถล้างสาเคมีได้บางชนิด เนื่องด้วยแอลกอฮอล์เป็นสารระเหยบริสุทธิ จึงสามารถใช้ระเหยกับสีเคมีในปากกาได้ เพียงนำสำลีชุบแอลกอฮอล์แล้วจุ่มลงบนรอยปากกา รอยจะค่อยๆจางลง วิธีนี้ไม่กระทบกับที่นอนของเราด้วย
สรุป
วิธีที่กล่าวมาข้างต้น ควรระมัดระวังในการดำเนินการ เพราะแต่ละข้อมีฤทธิ์แตกต่างกันไป ควรลองทำทีละน้อยแต่เริ่มเมื่อเห็นผลไม่ดีให้รีบนำทิชชู่ซับออกอย่างทันที และในขณะดำเนินงานควรสวมหน้ากากอนามัย และ ถุงมือ เพราะบางข้ออาจสามารถซึมเข้าผิวหน้า และสามารถระเหยได้ อาจสูดลม สะสมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว